เทคนิคเลือกบานประตูให้เปิดรับวิว

เทคนิคเลือกบานประตูให้เปิดรับวิว

ปัจจุบันคอนเซปต์การออกแบบบ้านที่ใกล้ชิดธรรมชาติ หรือการเปิดพื้นที่จากภายในสู่ภายนอกกำลังเป็นที่นิยม เพราะให้บรรยากาศของบ้านที่น่าอยู่ รวมทั้งยังเชื่อมต่อพื้นที่ภายในให้ดูกว้างขึ้นด้วย และจะดีแค่ไหนถ้าเปิดมุมมองของบ้านให้กว้างรับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า เชื่อมการพักผ่อนภายในกับระเบียงกว้างด้วยบานเปิดที่แค่ผลัก เลื่อน หรือแม้แค่กดปุ่ม เพื่อมุมมองที่ไม่จำเจ การเลือกใช้บานเปิดแบบบานเลื่อนบานเฟี้ยมจึงเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่จะเปลี่ยนมุมมองและการพักผ่อนของคุณได้ ซึ่งการตัดสินใจเลือกใช้บานเปิดขนาดใหญ่ให้เปิดรับวิวนั้นก็ต้องเริ่มจาก

เลือกรูปแบบของช่องเปิด

อันดับแรกเลย เราต้องสำรวจดูพื้นที่ของช่องเปิดของเราก่อนว่าสามารถเปิดกว้างได้แค่ไหน หากช่องเปิดมีพื้นที่ไม่มาก ควรเลือกเป็นแบบบานเลื่อน 1 บานที่เลื่อนไปซ่อนอยู่หลังผนัง หากช่องเปิดมีพื้นที่กว้างหน่อยก็สามารถเลือกใช้เป็นบานเลื่อนคู่ 2 บานที่เปิดซ้าย-ขวา อาจเป็นรูปแบบที่มีบาน Fixed อยู่ด้านข้างทั้งสองด้านหรือไม่มีก็ได้ โดยแบบที่สองจะทำให้เปิดช่องเปิดได้กว้างกว่า โดยที่จะมีข้อจำกัดว่าจะต้องมีผนังที่ด้านข้างทั้งสองด้าน แต่ถ้าหากช่องเปิดมีขนาดกว้างค่อนข้างมาก ควรเลือกใช้เป็นบานเฟี้ยมที่แบ่งเป็นบานย่อยๆขนาดกว้างบานละประมาณ 450-600 มม. ต่อกันจะดีที่สุด เพราะจะทำให้สามารถเปิดช่องเปิดได้กว้างมากตามที่ต้องการ

เลือกวัสดุโครงสร้างและหน้าบาน

วัสดุสำหรับโครงสร้าง (วงกบ) และหน้าบานประตูเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเกี่ยวกับการรับน้ำหนักของประตูและการเปิดปิดที่สะดวกคล่องแคล่ว วงกบและกรอบบานที่เป็นไม้จริง จะให้ mood ของบ้านที่ใกล้ชิดธรรมชาติและอบอุ่น แต่อาจจะมีการยืดหดตัวเมื่ออากาศเปลี่ยนและมีข้อจำกัดที่กรอบบานและวงกบมีขนาดที่ค่อนข้างหนา ประมาณ 100-150 มม. รวมทั้งมีน้ำหนักมาก ส่วนวงกบและกรอบบานวัสดุอะลูมิเนียมนั้นจะมีน้ำหนักเบากว่ามาก เป็นที่นิยมในบ้านที่ตกแต่งแบบ modern สมัยใหม่ ข้อดีก็คือมีรูปแบบความหนาและมือจับให้เลือกหลายรูปแบบ รวมทั้งสามารถเลือกทำสี Powder coated ได้หลายหลาย (สามารถทำสีเป็นลายไม้ได้) ที่สำคัญคือติดตั้งง่ายและทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ

บานเลื่อน บานเฟี้ยมเหมาะกับส่วนใดได้บ้าง

ระบบบานเลื่อน บานเฟี้ยม จะเหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีความสำคัญและสามารถเปิดสู่ทัศนียภาพภายนอกด้านที่ดีของบ้าน เพราะเป็นระบบที่เหมาะกับช่องเปิดที่กว้าง เช่นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องนอนและห้องทำงาน รวมทั้งยังเป็นที่นิยมใช้สำหรับรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศ โดยสามารถเลือกใช้เฟรมกระจกเป็นไม้จริงหรืออะลูมิเนียมก็ได้ ขึ้นอยู่กับ style การตกแต่งของบ้าน

ข้อดีของบานเปิดแบบกว้าง

ไม่ว่าจะเป็น Folding Door แบบบานเลื่อน บานเฟี้ยม ต่างก็สามารถเปิดพื้นที่ให้เชื่อมต่อกันได้มาก ซึ่งหัวใจสำคัญที่สุดนั้นคือ Fitting ของบานประตูนั้นเอง ซึ่งต้องประกอบด้วยรางบนและรางล่างที่ฝังอยู่กับพื้น สามารถเพิ่มมือจับและระบบ lock ที่ต้องการได้ จุดเด่นของการใช้บานเลื่อน บานเฟี้ยม คือเมื่อเปิดบานออกทั้งหมด พื้นที่ทั้งสองจะเหมือนกับเชื่อมต่อกลายเป็น space เดียวกัน โดยไม่มีอะไรกั้น ซึ่งหากต้องการให้การเชื่อมต่อสมบรูณ์ที่สุด สามารถเลือกใช้ระบบรางแบบรางบนอย่างเดียว จะทำให้พื้นที่ด้านล่างนั้นไม่มีอะไรมาให้สะดุดเวลาเดินหรือเปิดพื้นที่เลย

แบบของหน้าบานให้ความรู้สึกต่างกันเมื่อใช้งาน

  • บานเฟี้ยมกระจก : จะให้ mood ของบ้านที่มีความ modern และให้ความรู้สึกของ space ที่เชื่อมต่อกันระหว่างภายในและภายนอกได้เป็นอย่างดี แม้จะยังไม่เปิดบาน
  • บานเลื่อนไม้ : ให้บรรยากาศที่มีความเป็นส่วนตัวเมื่อปิด และเปิดรับวิวได้เมื่อต้องการ บานเลื่อนไม้ยังให้ความรู้สึกที่มั่นคงแข็งแรงและน่าใช้งาน
  • บานเลื่อนกระจก : ให้ความรู้สึกที่เชื่อมต่อกับภายนอกเช่นกัน และสามารถใช้งานได้สะดวก
  • บานเลื่อนไฟฟ้า : มักใช้กับช่องเปิดที่กว้าง สูงหรือมีน้ำหนักมากจนคนไม่สามารถเปิดได้ด้วยตัวเอง โดยสามารถออกแบบให้เปิดช่องเปิดได้เต็มที่ ให้ความรู้สึกเปิดโล่งให้มากที่สุด นอกจากนั้นสามารถออกแบบบานเลื่อนไฟฟ้านี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของ façade หน้าตาอาคารได้ด้วย

ข้อต้องระวังที่ควรรู้

ด้านข้างของผนังที่ติดกับบานเลื่อน บานเฟี้ยม จะต้องไม่วาง furniture หรือสิ่งกีดขวางใดๆ เพื่อมีพื้นที่เก็บหน้าบานในกรณีที่เปิดบานเฟี้ยมจนสุด ข้อควรระวังอีกอย่างในการใช้ระบบบานเฟี้ยมนั่นก็คือ ควรใช้กับผนังด้านที่เชื่อมกับพื้นที่ภายนอกที่มีหลังคาหรือกันสาดคลุมเท่านั้น เพราะหากไม่มีกันสาดคลุมด้านนอก เวลาเปิดบาน น้ำฝนจะสามารถย้อนเข้าไปในตัวบ้านได้ นอกจากนั้นระบบประตูบานเฟี้ยมยังสามารถนำมาใช้กั้นพื้นที่ภายในบ้านได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น กั้นระหว่างห้องรับประทานอาหารและห้อง pantry เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง